ปิดตลาดหุ้นไทยพลิกกลับมา +4.35 จุด โบรกฯ ชี้ตลาดเริ่มฟื้นตัวกลับขึ้นมา หลังเจอปัจจัยลบทำให้ปรับตัวลงไปพอควร ประกอบกับมีแรงซื้อกลับทั้งในและต่างประเทศ แนะนักลงทุนจับตาผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐในคืนนี้ พร้อมประเมินกรอบการลงทุนแนวรับที่ 1,630 จุด ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่แข็งแกร่ง และแนวต้านที่ 1,660 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 26 มกราคม 2565 ปรับตัวขึ้นปิดตลาด +4.35 จุด หรือ +0.27% โดยปิดตลาดที่ 1,643.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 85,449.43 ล้านบาท โดยภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ SET INDEX เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบทั้งวัน โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุด ที่ 1,649.82 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,642.07 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 802 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 534 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 899 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,043.83 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 519.38 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 439.69 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า 84.77 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,522.86 ล้านบาท ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
2.BBL มูลค่าการซื้อขาย 5,233.75 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
3.TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,451.45 ล้านบาท ปิดที่ 4.82 บาท ลดลง 0.02 บาท
4.SPRC มูลค่าการซื้อขาย 2,379.75 ล้านบาท ปิดที่ 9.60 บาท ลดลง 0.90 บาท
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,025.96 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KBANK ปิดที่ 147.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาทหรือ 2.79%
2.SCC ปิดที่ 382.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ 1.06%
3.AEONTS ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาทหรือ 1.65%
4.HANA ปิดที่ 75.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาทหรือ 3.81%
5.PTTEP ปิดที่ 127.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 2.00%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CBG ปิดที่ 101.50 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ 4.69%
2.SINGER ปิดที่ 45.50 บาท ลดลง 2.75 บาทหรือ 5.70%
3.JMART ปิดที่ 55.25 บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 3.91%
4.JMT ปิดที่ 61.00 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 3.17%
5.RS ปิดที่ 18.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 5.13%
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,255.14 จุด เพิ่มขึ้น 12.13 จุด หรือ 0.54% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 992.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.69 จุด หรือ 0.68% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 635.28 จุด ลดลง -3.85 จุด หรือ -0.60%
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโสนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นมาหลังช่วงที่ผ่านมาลงไปตอบรับปัจจัยบลบพอควรแล้ว ทำให้วันนี้ตลาดมีแรงซื้อหุ้นกลับทั้งในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นไทย โดยมีแรงซื้อสู้กันอยู่บริเวณ 1,630 จุด ระหว่างรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คืนนี้ โดยหากผลประชุมเป็นไปตามตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ไตรมาสละ 0.25% ก็คาดว่าสถานการณ์ดีดตัวกลับจากการที่นักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นบ้าง โดยเฉพาะกลุ่ม Growth Stock ที่น่าจะมีแรงซื้อเข้ามา อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ แนะนำนักลงทุนรอลุ้นผลประชุมเฟดคืนนี้หากเป็นไปตามคาดตลาดฯก็มีโอกาสดีดตัวขึ้นไปต่อได้ เพราะตลาดได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว (Price in) และต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดว่าจะมีประเด็นใหม่หรือไม่ นอกเหนือจากดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ ซึ่งหากส่งสัญญาณถึงการลดขนาดงบดุลว่าจะปรับลดเท่าใดและเมื่อใด อย่างไรก็ดี ถ้าถ้อยแถลงของประธานเฟดไม่แย่กว่าที่ตลาดคาด ก็มีลุ้นที่ตลาดปรับตัวขึ้นไปต่อ โดยให้แนวรับที่ 1,630 จุด ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่แข็งแกร่ง แนวต้านที่ 1,660 จุด
อ้างอิง
https://www.mgronline.com/stockmarket